5 วิธีป้องกันโรคในช่องปากของสุนัขของคุณ

เมื่อพูดถึงสิ่งที่ลูกสุนัขใหม่ต้องการ เจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่จะไม่พลาดสิ่งจำเป็น เช่น เตียงสุนัข ชาม ปลอกคอ เป็นต้น พวกเขามักค้นคว้าอย่างดีเกี่ยวกับอาหารที่ดีที่สุด นัดตรวจสุขภาพและรับวัคซีนกับสัตวแพทย์ และลงทะเบียนเรียนคลาสฝึกลูกสุนัข แม้ว่าการเริ่มต้นของคู่นี้จะดูยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่น่าตกใจคือเจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ลืมแก้ปัญหาสุขภาพอันดับ 1 ที่จะส่งผลต่อลูกสุนัขเมื่อโตขึ้น นั่นก็คือฟันของพวกเขา!

สุขภาพช่องปากของลูกสุนัขและสุนัข – ความสำคัญของการสร้างกิจวัตรประจำวัน

• ลูกสุนัขเกิดมาพร้อมกับไม่มีฟัน และจะพัฒนาฟันแหลมคมในไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น
• ฟันแท้ของพวกเขาจะเริ่มงอกเมื่ออายุ 4-6 เดือน เจ้าของลูกสุนัขหลายคนอาจไม่เห็นฟันน้ำนมหลุดออก แต่ทุกคนจะยืนยันได้ว่าลูกสุนัขของพวกเขาต้องการเคี้ยวทุกอย่างในช่วงที่ฟันกำลังขึ้นเพื่อบรรเทาความไม่สบาย
• แม้ว่าการซื้อตุนของเล่นสำหรับให้เคี้ยวเป็นสิ่งที่ต้องทำแน่นอน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการสร้างกิจวัตรการทำความสะอาดฟันทุกวันกับลูกสุนัขของคุณ
• คราบแบคทีเรียจะเริ่มสะสมบนฟันภายใน 24 ชั่วโมง และหากไม่ได้ขจัดออกทุกวัน คราบพลัคนี้จะกลายเป็นหินปูน
• โรคในช่องปากพัฒนาไปจากคราบหินปูนสู่การอักเสบของเหงือก กลิ่นปาก การคลายตัวของฟัน และความเจ็บปวดอย่างรุนแรง

โรคในช่องปากส่งผลต่อสุนัขโตถึง 80% และสุนัขสูงวัยถึง 96%

กราฟิกนี้แสดงปากของสุนัขที่มีสุขภาพดี พร้อมตัวอย่างของโรคในช่องปากระยะเริ่มต้นและระยะรุนแรงในสุนัข

เพื่อให้แน่ใจว่าลูกสุนัขของคุณจะไม่ประสบปัญหาสุขภาพฟันเมื่อโตขึ้น สิ่งที่ดีที่สุดที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงใหม่สามารถทำได้คือเริ่มทำความสะอาดฟันสุนัขตั้งแต่อายุ 3 เดือน หรือตั้งแต่ฟันแท้เริ่มขึ้น แล้วจะทำอย่างไร? นี่คือ 5 เคล็ดลับและวิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้การทำความสะอาดฟันรายวันเป็นเรื่องง่าย:

1. เริ่มแปรงฟันให้พวกเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณพาลูกสุนัขตัวใหม่กลับบ้าน

ในช่วง 16 สัปดาห์แรกของชีวิตลูกสุนัข พวกเขาเรียนรู้มากมายเกี่ยวกับโลกใบนี้ การทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับการที่คุณเปิดปากและแปรงฟันตั้งแต่อายุนี้ จะช่วยให้พวกเขาทนต่อการทำกิจวัตรนี้ได้มากขึ้นเมื่อโตขึ้น

2. แปรงฟันให้ถูกวิธี

มีแปรงฟันหลายแบบให้เลือก รวมถึงแปรงนิ้วด้วย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องแน่ใจว่าในที่สุดแล้ว คุณสามารถแปรงฟันของสุนัขได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทั้งด้านในและด้านนอกของฟันทุกซี่

• เริ่มต้นด้วยการถูนิ้วของคุณรอบปากของพวกเขา
• เปลี่ยนมาใช้แปรงนิ้ว
• เปลี่ยนไปใช้แปรงสีฟันเพื่อช่วยเข้าถึงฟันซี่หลัง
• ใช้ยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะเพื่อความปลอดภัย และเลือกรสชาติที่ลูกสุนัขของคุณชอบ ยาสีฟันสำหรับมนุษย์ไม่ปลอดภัยสำหรับสุนัข

3. หาวิธีให้สุนัขทำความสะอาดฟันด้วยตัวเอง

ลูกสุนัขตัวนี้กำลังเพลิดเพลินกับขนมขัดฟัน WHIMZEES Brushzees ขณะทำความสะอาดฟัน

แม้ว่าการแปรงฟันให้ลูกสุนัขจะเป็นวิธีมาตรฐานทองคำในการรักษาฟันให้สะอาด แต่เรารู้ว่ามันเป็นหนึ่งในส่วนที่เจ้าของสุนัขส่วนใหญ่ไม่ชอบที่สุด

ในความเป็นจริง มีเจ้าของสัตว์เลี้ยงเพียง 2% เท่านั้นที่แปรงฟันสุนัขทุกวัน

เพื่อช่วยป้องกันโรคในช่องปาก ทางเลือกหนึ่งนอกจากการแปรงฟันคือการให้สุนัขทำงานทั้งหมดด้วยขนมขัดฟันสำหรับสุนัข ขนมขัดฟันที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และได้รับการรับรองจาก VOHC เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการดูแลฟันทุกวันพร้อมกับให้รางวัลที่พวกเขาชื่นชอบ สิ่งสำคัญสำหรับลูกสุนัขคือการเลือกขนมขัดฟันที่เหมาะสำหรับลูกสุนัขตั้งแต่อายุ 3 เดือนขึ้นไป เพื่อให้แน่ใจว่าขนมนั้นมีปริมาณแคลอรีที่เหมาะสม เนื้อสัมผัส และขนาดที่ปลอดภัยสำหรับช่องปากที่กำลังพัฒนา

เมื่อสุนัขของคุณอายุครบ 9 เดือน คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้ขนมขัดฟันสำหรับสุนัขโตที่มีขนาดเหมาะสมกับน้ำหนักของพวกเขา ขนมขัดฟัน WHIMZEES All Natural Daily Dental Treats ผลิตจากส่วนผสมที่ไม่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม (non-GMO) เป็นมังสวิรัติและปราศจากธัญพืช WHIMZEES ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าขนมขัดฟันแบรนด์ชั้นนำถึงสองเท่า

4. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทำทุกวัน

คราบพลัคสามารถสะสมได้ภายใน 24 ชั่วโมง ดังนั้น เช่นเดียวกับเราที่ต้องดูแลฟัน สุนัขของคุณก็ต้องการขนมขัดฟันทุกวันเพื่อรักษาสุขภาพฟัน ขนมที่มีรสชาติอร่อยและมาในถุงแบบรายวันเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำให้สุนัขของคุณตั้งตารอขนมขัดฟันประจำวันของพวกเขา นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่คุ้มค่าที่สุดอีกด้วย

5. อย่ารอช้า!

ลูกสุนัขเติบโตมากในปีแรกของชีวิต ซึ่งเมื่อพวกเขาฉลองวันเกิดครั้งแรกจะเทียบเท่ากับอายุ 15 ปีของมนุษย์ ดังนั้น หากคุณเริ่มแปรงฟันให้พวกเขาหลังจากผ่านไปไม่กี่เดือน จะเหมือนกับการเริ่มแปรงฟันให้พวกเขาเมื่อพวกเขาเป็นวัยรุ่น นั่นคือเหตุผลที่การเริ่มกิจวัตรการดูแลสุขภาพฟันของลูกสุนัขตั้งแต่อายุ 3 เดือนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด